New Yamaha Aerox

  AEROX New Yamaha Aerox ปี 2023 ยามาฮ่า แอร็อกซ์ ใหม่…จัดจ้านทุกสีสัน บิดมันส์เร้าใจ ดีไซน์สปอร์ตรอบคัน สีสันใหม่ สไตล์ Racing Sport ดุดันตามแบบฉบับ R-Series สมรรถนะทรงพลังด้วยความแรง จากเครื่อง-ยนต์บลูคอร์ 155 ซีซี ผสานวาล์วแปรผันอัจฉริยะ VVA ให้อัตราเร่งดีเยี่ยม พร้อมเทคโนโลยี Y-Connect เชื่อมต่อข้อมูลรถ เพื่อตอบสนองในการใช้งาน และมั่นใจในการรับประกันนานถึง 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร*     เทคโนโลยีล้ำสมัย NEW TECHNOLOGY เทคโนโลยีใหม่! ไฮเทคเหนือชั้น Y-Connect Application เชื่อมต่อชีวิตสมาร์ทสุดล้ำ แอปพลิเคชันที่เชื่อมต่อข้อมูลรถผ่าน CCU ช่วยให้สามารถรับรู้ข้อมูลต่างๆ และการขับขี่ของรถได้บนมือถืออย่างง่ายดาย ด้วยโหมดต่างๆ 9 ฟังก์ชัน ในการใช้งานอย่างครบครัน *ทำงานเมื่อเชื่อมต่อ Y–Connect…

รู้หรือไม่? เทคโนโลยี Yamaha Stop & Start System ในมอเตอร์ไซค์ยุคนี้ทำหน้าที่อะไร

รู้หรือไม่? เทคโนโลยี Yamaha Stop & Start System ในมอเตอร์ไซค์ยุคนี้ทำหน้าที่อะไร เทคโนโลยีรถจักรยานยนต์สุดล้ำอย่าง Stop & Start System เป็นอีกฟีเจอร์ที่ถูกติดตั้งในรถจักรยานยนต์หลายรุ่นในปัจจุบัน และอาจยังเป็นระบบรถจักรยานยนต์ใหม่ที่ไบค์เกอร์หลายคนยังเกิดคำถามอยู่ว่า มันคืออะไร และมีประโยชน์ต่อการขับขี่รถจักรยานยนต์อย่างไร วันนี้เราจะพาไปหาคำตอบเพื่อคลายข้อสงสัยเกี่ยวกับ Stop & Start System กัน ระบบ Stop & Start System คืออะไร ระบบ Stop & Start System คือเทคโนโลยีช่วยประหยัดน้ำมันอัจฉริยะโดยเครื่องยนต์จะหยุดทำงานอัตโนมัติเมื่อรถจอดหยุดนิ่งโดยไม่มีการขับขี่เป็นเวลา 5 วินาที และเครื่องยนต์จะทำงานอีกครั้งเมื่อบิดคันเร่ง การทำงานของระบบ Stop & Start System ระบบ Stop & Start System จะทำงานก็ต่อเมื่อผู้ขับขี่สตาร์ตเครื่องยนต์และเปิดใช้ฟังก์ชัน Stop & Start System ผ่านสวิตช์ที่อยู่แฮนด์ด้านขวาของตัวรถ ในการขับขี่มอเตอร์ไซค์ด้วยความเร็วปกติ…

7 ปลอดภัย ขับขี่ยังไงไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ

7 ปลอดภัย ขับขี่ยังไงไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ สาเหตุหลักของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการใช้รถอันดับแรกสุดก็คือการขับรถเร็วเกินอัตรามากกว่าที่กฎหมายกำหนด ตามมาด้วยเมาแล้วขับและหลับใน มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นตัวแปรของการเกิดอุบัติเหตุ ส่วนใหญ่เกิดจากความประมาทและการขาดความระมัดระวังซึ่งจบลงด้วยการบาดเจ็บสาหัสหรือถึงแก่ชีวิต มาช่วยกันขับขี่ด้วยความระมัดระวังเพื่อลดการสูญเสีย ส่อง 7 วิธีขับเพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ 1.คิด วิเคราะห์ แยกแยะ คาดการณ์ล่วงหน้า การคาดการณ์และประเมินสถานการณ์ล่วงหน้า เป็นกระบวนการทำงานของสมอง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุขณะขับขี่ โดยอาศัยการมองให้ไกลเข้าไว้ การตัดสินใจที่ต้องรวดเร็วฉับไวและถูกต้อง การคาดการณ์และตอบสนองเพื่อหลีกหนีจากอุบัติเหตุ ยิ่งมีเวลาให้แก้ไขนานเท่าไร ก็ยิ่งปลอดภัยจากอุบัติเหตุมากเท่านั้น ควรทิ้งระยะให้ห่างจากรถคันหน้า หากเกิดการเบรกแบบฉุกเฉิน หรือเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด 2.หลีกเลี่ยงการใช้เบรกกะทันหัน การเบรกแบบฉุกเฉินเป็นสาเหตุที่นำพาไปสู่อุบัติเหตุสองทางคือ หยุดไม่ทันแล้วไปซัดท้ายคันข้างหน้าหรือหยุดทันแต่โดนซัดท้ายเต็มๆ เกิดขึ้นบ่อยครั้งเมื่อฝนตกในเขตเมืองจากการขับทิ้งระยะที่ไม่มากพอ สมาธิและสติที่ครบถ้วนรวมถึงการไม่ขับเร็วจะช่วยทำให้คุณไม่ต้องใช้เบรกหนักๆ 3.จุดอันตรายห้ามแซง การแซงรถช้าโดยปราศจากการมองเห็นที่ดี และการประเมินสถานการณ์ที่ผิดพลาด นำมาซึ่งอุบัติเหตุรุนแรงนับครั้งไม่ถ้วน สภาพเส้นทางก็มีส่วนทำให้การแซงมีอันตรายที่อาจตามมา 4.จุดบอดบริเวณทางแยก ทางอันตรายสำหรับรถมอเตอร์ไซค์ที่สุดคือ ทางแยก ที่มีข่าวรถประสบอุบัติเหตุอันดับต้น ๆ เพราะรถมอเตอร์ไซค์เวลาออกจากซอย ทางแยก จะไม่ค่อยหยุดรถก่อนออกจากทางแยก ดังนั้น ไม่ควรแทรกรถที่กำลังเลี้ยวอยู่เพราะเป็นจุดบอดของผู้ขับขี่ ไม่หลบอยู่หลังหรือชิดรถมากเกินไป ในกรณีอยู่หน้าสุดไม่ควรพุ่งตัวออกไปทันทีที่ไฟเขียว เพราะรถฝ่าไฟแดงมีมากอาจโชคร้ายเจอพุ่งชนพอดี 5.ลดความเร็วก่อนถึงโค้ง เข้าช้าออกเร็วคือสูตรสำเร็จของการขับเข้าโค้งที่มีความปลอดภัย ไม่ใช้ความเร็วสูงเกินไปที่ไม่สอดรับกับลักษณะของโค้ง ไม่เบรกกะทันหันหรือเบรกอย่างรุนแรงในโค้ง ไม่เปลี่ยนเกียร์ขณะอยู่ในโค้ง จัดท่าทางของรถให้ถูกต้องก่อนที่จะโค้ง…

ขับขี่มอเตอร์ไซค์ในช่วงหน้าร้อน ให้ปลอดภัย เลี่ยงภาวะฮีทสโตรก!

ขับขี่มอเตอร์ไซค์ในช่วงหน้าร้อน ให้ปลอดภัย เลี่ยงภาวะฮีทสโตรก! ใคร ๆ ก็รู้ว่า สภาพอากาศปกติในประเทศไทยนั้นมีความร้อนอบอ้าวมากอยู่แล้ว พอเข้าสู่ช่วงหน้าร้อนอย่างเต็มตัว ก็ยิ่งทำให้สภาพอากาศมีความร้อนระอุเพิ่มขึ้นมากไปอีก แสงแดดเผาไหม้ไปทั้งตัว ในบางพื้นที่วัดค่าดัชนีได้สูงถึง 54 องศาเลยทีเดียว สำหรับผู้ที่ต้องขับขี่กลางแจ้งบ่อย ๆ อย่างอาชีพไรเดอร์ส่งอาหาร แมสเซ็นเจอร์ส่งเอกสาร ก็คงลำบากไม่ใช่น้อย นอกจากจะทำให้ร่างกายเกิดความไม่สบายตัวแล้ว ยังมีอาการเสี่ยงยอดฮิตที่มักพบเจอได้บ่อยในหน้าร้อนอย่าง ฮีทสโตรก (Heat Stroke) อีกด้วย ซึ่งอาการนี้มีความอันตรายถึงชีวิต ภาวะฮีทสโตรก (Heat Stroke) คืออะไร ? ร่างกายคนเราจะขับเหงื่อออกมาตามผิวหนัง เพื่อระบายความร้อนเมื่ออุณหภูมิร่างกายสูงกว่าปกติ แต่ถ้าหากร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนได้ทัน อุณหภูมิร่างกายสูงเกิน 40 องศา ก็จะนำไปสู่ภาวะฮีทสโตรกได้นั่นเอง ซึ่งถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือทางการแพทย์ได้อย่างทันท่วงที ก็อาจส่งผลให้หัวใจหยุดเต้นและถึงแก่ชีวิตได้ โดยสามารถสังเกตอาการได้ดังนี้ – ตัวร้อน อ่อนเพลีย – มึนหัว คลื่นไส้ อาเจียน – กระหายน้ำมาก – ความดันโลหิตตก – อุณหภูมิสูงแต่ไม่มีเหงื่อ – ชีพจนเต้นเร็ว…

ปรับกระจกมองข้างมอเตอร์ไซค์อย่างไรให้ถูกต้อง

ปรับกระจกมองข้างมอเตอร์ไซค์อย่างไรให้ถูกต้อง กระจกมองข้างมอเตอร์ไซค์ เปรียบเสมือนดวงตาอีกคู่ของผู้ขับขี่ ช่วยทำให้มองเห็นสภาพแวดล้อมด้านข้างและด้านหลังโดยที่ไม่ต้องเอี้ยวตัวไปมอง หากคุณไม่ปรับกระจกมองข้างให้เหมาะสมกับตำแหน่งผู้ขับอาจทำให้เกิดมุมอับทางสายตา มองไม่เห็นสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ระหว่างขับขี่ และเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ การปรับกระจกมองข้างมอเตอร์ไซค์อย่างถูกต้อง 1. เตรียมสก็อตเทปเส้นเล็ก 2. ขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ในท่าขับปกติของคุณ แล้วใช้สายตามองไปที่กระจกมองข้าง 3. ใช้สก็อตเทปเส้นเล็ก แบ่งกระจกให้เป็น 8 ส่วน โดยลากเส้นแนวนอนเป็นกึ่งกลาง 1 เส้น และลากเส้นจากบนลงล่างอีก 3 เส้น จากนั้นนับเลข 1-8 จากซ้ายบนด้านในมุมกระจก จนกระทั่งได้เลข 8 อยู่ที่มุมขวาล่างด้านนอกมุมกระจก จะถือว่าทำได้ถูกต้องครับ 4. จากนั้นมองผ่านเข้าไปในตัวกระจก โดยข้อศอกต้องอยู่กึ่งกลางบน-ล่างของกระจก และกินเนื้อที่ไม่เกิน ¼ จากมุมด้านในตัวกระจก สังเกตง่าย ๆ คือ ตำแหน่งข้อศอกต้องอยู่ระหว่างเส้นกั้นเลข 1 และ 5 นั่นเองครับ 5. พื้นที่เหลือไว้สำหรับมองสภาพแวดล้อมด้านข้าง – ด้านหลัง วิธีดูแลกระจกมองข้าง – หากกระจกมองข้างมัว ต้องเช็ดกระจกอยู่เสมอ…

ยามาฮ่า ฟินน์ (New Yamaha FINN)

  Finn ยามาฮ่า ฟินน์ ใหม่ (New Yamaha FINN) กล้าที่จะฟินน์ บ่งบอกความเป็นตัวตนกับยามาฮ่าฟินน์รถครอบครัว ระดับพรีเมี่ยมสุดคุ้ม สีสันกราฟิกใหม่ สวยล้ำสไตล์โมเดิร์นไม่เหมือนใคร แรงดี 115 ซีซี ขับขี่ง่าย ไม่จุกจิก ประหยัดน้ำมันสูงสุด 96.16 กม./ลิตร* (ที่พิสูจน์แล้วโดยสื่อมวลชน) พร้อมการรับประกันนานถึง 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง   เทคโนโลยีล้ำสมัย UBS (UNIFIED BRAKE SYSTEM) เมื่อใช้งานเบรกเท้า กลไกจะกระจายแรงเบรกไปทั้งล้อหน้าและล้อหลัง ทำให้การหยุดรถมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น * เฉพาะรุ่น UBS เครื่องยนต์หัวฉีดอัจฉริยะ 115 ซีซี …ฟินน์จัด ประหยัดจริง ประหยัดน้ำมันสูงสุด 96.16 กม./ลิตร*แรงดี ทนทาน ไม่จุกจิก และมีสมองกลอัจฉริยะ ECU ควบคุมการสั่งจ่ายน้ำมันทำให้ประหยัดมากขึ้น เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม *ทดสอบโดยสื่อมวลชนสายจักรยานยนต์ ขับขี่ ยามาฮ่า…

ขับบิ๊กไบค์ ต่างจากการขับมอเตอร์ไซค์ทั่วไปอย่างไร?

  ขับบิ๊กไบค์ ต่างจากการขับมอเตอร์ไซค์ทั่วไปอย่างไร? “มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์” รูปทรงรถแสนเท่ที่สะสมขุมพลังความเร็วอันมหาศาลเอาไว้ ทำให้ใครหลาย ๆ คนก็อยากขับขี่ อยากจับจองเป็นเจ้าของ แม้ว่ามอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์จะมีนิยามเดียวกับมอเตอร์ไซค์ทั่วไป คือ เป็นยานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สองล้อ แต่ก็มีความแตกต่างจากมอเตอร์ไซค์ทั่วไปอยู่ค่อนข้างมาก เนื่องจากมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์มีขนาดรถที่ใหญ่ตามชื่อ มีเครื่องยนต์ที่ใหญ่กว่ามอเตอร์ไซค์ทั่วไปมาก ทำให้มุมมองการขับขี่มีความเปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน โดยผู้ที่ขับขี่บิ๊กไบค์ได้ต้องมีเทคนิคและความชำนาญพอสมควร     ปัจจัยหลักที่ทำให้มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ต่างจากมอเตอร์ไซค์ทั่วไป ปัจจัยหลักที่ทำให้บิ๊กไบค์แตกต่างจากมอเตอร์ไซค์ทั่วไป มีอยู่ด้วยกัน 3 ปัจจัย ได้แก่ 1. ขนาดรถที่ใหญ่ มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์มีขนาดที่ใหญ่กว่ามอเตอร์ไซค์ทั่วไปเป็นอย่างมาก เนื่องจากต้องรองรับเครื่องยนต์ที่มีขนาดใหญ่ซึ่งสะสมกำลังความเร็วอันมหาศาลไว้ เพราะหากเครื่องยนต์มีขนาดเล็กจนเกินไปก็คงไม่สามารถขับเคลื่อนล้อรถหนัก ๆ ไปข้างหน้าได้ ดังนั้นขนาดรถบิ๊กไบค์กับเครื่องยนต์ต้องมีความเหมาะสมพอดีกัน เพื่อทำให้รถสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 2. รถมีน้ำหนักมาก ขนาดรถที่ใหญ่ก็ต้องมีน้ำหนักรถที่เพิ่มขึ้นตาม หากเป็นผู้ชายรูปร่างใหญ่และมีน้ำหนักที่พอดีกับรถก็อาจไม่ใช่เรื่องยากในการประคับประคองหรือควบคุมมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ แต่หากผู้ขับขี่มีรูปร่างเล็ก น้ำหนักน้อย ก็อาจจะทำให้มีความลำบากในการประคองรถไปบ้าง อย่างไรก็ตามมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์นั้นมีหลากหลายแบบ หลายยี่ห้อ และหลายซีซี ดังนั้นควรเลือกมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ที่เหมาะสมกับรูปร่างน้ำหนักตัวเองจะดีที่สุด 3. เครื่องยนต์มีอัตราเร่งสูง หากเครื่องยนต์มีขนาดใหญ่หลายซีซี จะส่งผลให้กำลังแรงรถมีอัตรารอบการทำความเร็วที่สูงขึ้นตาม แม้ว่าจะบิดคันเร่งเพียงนิดเดียวก็ทำให้ล้อรถขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วคล้ายกับพุ่งทะยานเหมือนจรวดไปในทันที ดังนั้นจึงต้องอาศัยเทคนิคและความชำนาญในการควบคุมรถอย่างมาก เช่น ในจังหวะการการเข้าโค้ง การหยุดรถ และการประคองรถ…

การวอร์มเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์ก่อนขับขี่ จำเป็นหรือไม่?

การวอร์มเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์ก่อนขับขี่ จำเป็นหรือไม่? หนึ่งในคำถามยอดฮิตของการขับขี่มอเตอร์ไซค์นั้น จะต้องมีเรื่องการวอร์มเครื่องยนต์ก่อนขับขี่อยู่อย่างแน่นอน หลายคนคงสงสัยว่า คุณจำเป็นต้องวอร์มเครื่องก่อนขับขี่หรือไม่? หากไม่วอร์มเครื่องยนต์ก่อนจะส่งผลอย่างไร? คุณจำเป็นต้องวอร์มเครื่องยนต์ก่อนขับขี่หรือไม่? หากคุณใช้เครื่องยนต์แบบใหม่ที่ใช้ระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด ซึ่งสามารถจ่ายน้ำมันได้ละเอียดมากกว่า และมีโอกาสในการเกิดการควบแน่นหรือเกาะตามส่วนต่างๆของเครื่องยนต์ได้ยากกว่าการจ่ายน้ำมันแบบคาร์บูเรเตอร์ อีกทั้งเครื่องยนต์แบบใหม่จะมีเซนเซอร์ในการตรวจจับอัตราการเผาไหม้ของห้องเครื่อง เพื่อการจ่ายน้ำมันที่เหมาะสม และทำงานได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้เครื่องยนต์แบบใหม่นั้นสามารถควบคุมอัตราการไหลเวียนของน้ำมันเครื่องได้รวดเร็วทั่วทั้งระบบในระยะเวลาหนึ่งนาที ดังนั้นรถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบหัวฉีดจึงไม่จำเป็นต้องวอร์มเครื่องยนต์เลยด้วยซ้ำ แต่อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ได้แปลว่าคุณจะสามารถเร่งเครื่องเต็มที่ได้ตั้งแต่วินาทีแรก เพราะชิ้นส่วนภายในมอเตอร์ไซค์ยังคงต้องใข้เวลาในการทำความร้อนเพื่อพร้อมในการทำงานร่วมกับชิ้นส่วนอื่นๆ ควรรออุณหภูมิเครื่องยนต์ให้พร้อมก่อน แล้วจึงบิดคันเร่งเต็มที่ได้ แต่หากเป็นมอเตอร์ไซค์ที่คุณใช้งานอยู่นั้น เป็นเครื่องยนต์ยุคเก่าที่มีการใช้ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบคาร์บูเรเตอร์ ที่อาจจะไม่สามารถกระจายส่วนผสมของน้ำมันและผสมกับอากาศได้ละเอียดเท่ากับเครื่องยนต์รุ่นใหม่ๆ อาจจำเป็นจะต้องทำการวอร์มเครื่องยนต์ก่อน เพราะในเครื่องยนต์รุ่นเก่าที่ยังไม่ร้อนนั้นฝอยน้ำมันที่ปล่อยออกมาจากคาร์บูเรเตอร์จะสามารถควบแน่นและเกาะตามส่วนต่างๆของเครื่องยนต์ได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นผนังเสื้อสูบ หรือแม้แต่ลูกสูบ จนทำให้การสันดาปภายในเครื่องยนต์ไม่สมบูรณ์ และส่งผลเสียต่อมอเตอร์ไซค์ของคุณได้ การวอร์มเครื่องเป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลอย่างลึกซึ้งต่อประสิทธิภาพและความปลอดภัย เพราะในเครื่องยนต์นั้นมีซีลและวงแหวนจำนวนมากที่ต้องใช้น้ำมันหมุนเวียนอยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม โดยการวอร์มเครื่องนั้นจะช่วยให้น้ำมันไหลเวียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการวอร์มเครื่องนี้ มีความสำคัญพอๆกับการตรวจเช็คยาง โซ่ และการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเลยทีเดียว โดยการวอร์มเครื่องยนต์นั้น จะใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้นในการรอให้เครื่องยนต์มีความร้อนมากพอ และไม่ทำให้ฝอยน้ำมันจากคาร์บูเรเตอร์นั้นเกาะตามส่วนต่างๆของเครื่องยนต์ ซึ่งการวอร์มเครื่องยนต์นั้นไม่ได้หมายถึงแค่การสตาร์ทรถเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องยนต์ของคุณได้รับความร้อนอย่างสม่ำเสมอตามลักษณะที่ได้รับการออกแบบมาให้ทำงานได้อย่างถูกต้องในการขับขี่ หากไม่ทำการวอร์มเครื่องยนต์ก่อน จะส่งผลอย่างไร? อย่างที่กล่าวไปข้างต้น การวอร์มเครื่องยนต์ที่ไม่ถูกต้องอาจส่งผลทำให้ของเหลวไม่สามารถไหลเวียนรอบเครื่องยนต์ได้อย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะน้ำมันเครื่อง เพราะเมื่อมอเตอร์ไซค์ถูกตั้งอยู่บนขาตั้ง น้ำมันจะไม่สามารถไหลไปรอบๆเครื่องยนต์และกระบอกสูบได้อย่างถูกต้อง ทำให้เกิดความร้อนมากจนเกินไป และอาจทำให้เกิดการสึกหรอหรือเสียดายได้ โดยเฉพาะที่ซีลและวงแหวน ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อการขับขี่และความปลอดภัย และถ้าหากคุณเร่งเครื่องในขณะที่น้ำมันเครื่องยังเย็นอยู่ จะมีโอกาสเสี่ยงที่จะทำลายกระบอกสูบของเครื่องยนต์ได้…

ALL New R15 / R15M

ALL New R15 / R15M ALL New Yamaha R15 ปี 2022 Born to Be One1 เร็วดั่งใจ พุ่งไปกับความเป็นหนึ่ง เมื่อคนกับรถมอเตอร์ไซค์หลอมรวมกันเป็นหนึ่ง ให้ทุกจังหวะการเต้นของหัวใจ เร่งไปให้ถึงขีดสุด ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ 155 ซีซี VVA ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีจากสนามแข่งระดับโลก ดีไซน์ใหม่ เอกลักษณ์เฉพาะจากตระกูล R-Series ช่วยเพิ่มท๊อปสปีดให้คุณเร้าใจยิ่งกว่าเดิม ล้ำหน้าอีกขั้นด้วยการเชื่อมต่อข้อมูลรถ กับเทคโนโลยีใหม่ Y-Connect พร้อมให้คุณพุ่งทะยานไป สู่ความเป็นหนึ่ง เทคโนโลยีล้ำสมัย YAMAHA Y-CONNECT APPLICATION เชื่อมต่อชีวิตสมาร์ทสุดล้ำ รับรู้ข้อมูลรถ และการขับขี่ของคุณได้บนมือถืออย่างง่ายดาย TRACTION CONTROL SYSTEM ระบบแทรคชั่นคอนโทรล ช่วยป้องกันการลื่นไถลของล้อหลัง QUICK SHIFTER SYSTEM ระบบควิกชิพเตอร์ เทคโนโลยีจากสนามแข่ง เปลี่ยนเกียร์โดยไม่ต้องกำคลัตช์ DUAL CHANNEL ABS…

ตรวจเช็คแบตเตอรี่รถมอเตอร์ไซค์ด้วยตัวเองง่ายๆ

ตรวจเช็คแบตเตอรี่รถมอเตอร์ไซค์ด้วยตัวเองง่ายๆ สิ่งของทุกอย่าง อะไหล่ทุกชิ้น เมื่อมีการใช้งานก็ย่อมมีการเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา เช่นเดียวกับแบตเตอรี่รถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งมีอายุการใช้งานเฉลี่ยประมาณ 2-10 ปี ขึ้นอยู่กับประเภทของแบตเตอรี่ เมื่อแบตเตอรี่เริ่มมีการเสื่อมสภาพก็จะเก็บไฟไม่ค่อยได้และเริ่มมีปัญหา โดยสามารถสังเกตได้ง่ายๆ คือ สตาร์ทไม่ติด, ไฟหน้าไม่สว่าง, ไฟหน้าปัดไม่ติด, หรือแตรเริ่มไม่ดัง เป็นต้น ‍แบตเตอรี่รถมอเตอร์ไซค์คืออะไร? แบตเตอรี่ของรถมอเตอร์ไซค์นั้นเป็นอุปกรณ์สำคัญที่จัดเก็บไฟฟ้าสำหรับใช้ในการเก็บพลังงานไฟฟ้าโดยใช้ปฏิกิริยาเคมีแบบย้อนกลับได้ระหว่างตะกั่วและกรดในแบตเตอรี่ นอกจากนี้แบตเตอรี่ยังมีส่วนผสมของกรดซัลฟิวริก (Sulfuric Acid) และน้ำกลั่น (Distilled water) ซึ่งรู้จักกันในชื่อกรดแบตเตอรี่อีกด้วย โดยจะถูกเติมลงในแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ และใช้เป็นตัวน้ำไฟฟ้าระหว่างตะกั่วแบตเตอรี่ เพื่อสร้างประจุไฟฟ้า โดยแบตเตอรี่นั้นจะจ่ายพลังงานกระแสตรงไปยังระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆของรถมอเตอร์ไซค์ ไม่ว่าจะเป็นไดสตาร์ทในการสตาร์ทเครื่องยนต์ ระบบจุดระเบิด ระบบหัวฉีด รวมไปถึงอุปกรณ์อื่นๆในตัวรถที่ใช้ไฟฟ้า ซึ่งคุณจะไม่สามารถใช้มอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ได้เลย หากไม่มีแบตเตอรี่ แบตเตอรี่รถมอเตอร์ไซค์มีกี่ประเภท? แบตเตอรี่ของรถมอเตอร์ไซค์จะมีด้วยกัน 3 ประเภท ได้แก่ 1. แบตเตอรี่แบบตะกั่วกรด หรือที่เรียกว่าแบตน้ำ (Conventional / Wet Cell Batteries) – ราคาถูกที่สุด แต่มีขนาดใหญ่ หนัก อายุการใช้งานสั้น และจำเป็นที่จะต้องวางในแนวตั้งเท่านั้น…